การโฆษณาตัวเองที่ดีที่สุด คือ การปล่อยให้คนอื่นขโมยผลงานคุณ! นี่คือบทสรุปของหนังสือ Show Your Work หรือ มีของดีต้องให้คนอื่นขโมย
ฟังแล้วดูแปลกๆ ใช่ไหมครับ ว่าถ้าให้คนอื่นขโมยเขาก็ลอกของเราหมดสิ
ถ้ารู้สึกแบบนั้นอย่างให้ลองนึกถึงรายการอาหารที่ พ่อครัวดัง มาบอกสูตรอาหารให้เราสิครับ
ทำไมเค้าถึงกล้าบอกล่ะครับ?
นั่นก็เพราะจริงๆ แล้ว สิ่งที่หล่อหลอมคุณมาไม่ได้ถูกลอกง่ายขนาดนั้นครับ
ประสบการณ์การจับกะทะตะหลิวของพ่อครัวดังไม่ได้โดนขโมยจากการแบ่งปันเคล็ดลับดีๆ ไปง่ายขนาดนั้น
ตรงกันข้ามยิ่งแบ่งปันคุณจะยิ่งได้รับความสัมพันธ์ที่ดีกลับมาด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างชื่อในโลกโซเชี่ยล ไม่ว่าชุมชนที่คุณอยู่จะเป็น ชุมชนคนเขียนโปรแกรม ชุมชนศิลปิน NFT หรือ กลุ่มเฟสคนรักในสิ่งต่างๆ ก็ตาม เขาจะยิ่งรู้จักคุณมากกว่าเดิม
ในเรื่องนี้จะประกอบไปด้วย 10 ตอน และหัวข้อย่อยๆ ตามภาพนี้ครับ บางหัวข้อผมขอเปลี่ยนแปลงจากต้นฉบับเล็กน้อยเพื่อให้ได้ความหมายตามที่ผมเข้าใจครับ โดย10 เรื่องที่ว่า เริ่มจาก
1. คุณไม่จำเป็นต้องเก่งกาจ
อย่าไปเชื่อเด็ดขาดว่า ฮีโร่มีจริงๆ เพราะทุกคนต้องอาศัยความพยายามในการเรียนรู้ทั้งนั้น และหนทางที่จะทำให้เราเติบโตได้เร็ว คือ การมีกลุ่มที่มีสนับสนุนการเรียนรู้ไปด้วยกัน ชุมชนหลายๆ แห่งใน internet ล้วนแต่ทำให้คนหลายคนที่มีความสนใจแบบเดียวกันพบปะกันง่ายขึ้น
เราเรียนรู้กันในแบบมือสมัครเล่น เพราะร่วมกันลองผิดลองถูกได้ดีกว่า เปิดรับไอเดียสดใหม่ได้ดีกว่า พยายามค้นหาเสียงในใจของเรา passion ของเราให้เจอ และวิธีดีที่สุดที่จะเจอ คือ ลองใช้ลองทำ สิ่งที่คิดว่าใช่เลยครับ ไม่ต้องรอ
เพราะท้ายที่สุดชีวิตคนเรามันสั้นมากๆครับ ไม่เชื่อคุณลองอ่านข่าวการเสียชีวิตของผู้คนในหนังสือพิมพ์ดูสิครับ
ดังนั้นอย่ารอ จงใช้ชีวิตคุณให้คุ้มและหาความฝันของคุณ ณ ตอนนี้เลย
2. การโชว์ผลงาน อย่าโชว์แค่ผลลัพธ์
กระบวนการเบื้องหลังของงานนั้นก็สำคัญไม่แพ้กัน ลองนำเสนอมัน เพราะมันจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของตัวคุณ (Story telling) ได้อย่างดี
ลองนึกถึงเวลาคุณดูสารคดีเบื้องหลังบุคคลสำคัญก็ได้ครับ น่าสนใจใช่ไหมล่ะ?
3.ไม่ต้องเล่นใหญ่ แต่เล่นถี่ๆ
ความมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญมากๆ พยายามปล่อยของให้ได้ทุกวัน แล้วคนจะจำคุณได้เอง
4. เปิดคลังของดี
อย่าหวงของเป็นจงอางหวงไข่ครับ ถ้าของคุณลอกได้ง่าย ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะกระจายไปวงกว้างอยู่ดีครับ ดังนั้น เราเริ่มแบ่งปัน แชร์สิ่งต่างๆ ให้คนรู้ว่ามาจากเราเลยดีกว่า พยายามเล่าความรู้ที่คุณถนัดเลย ไม่ต้องอายว่ามันไร้ค่า เพราะ บางคนที่ชื่นชอบการเก็บขยะ เก็บบ้านยังแชร์ จนคนนับถือเค้าได้เลยครับ
ไม่ต้องอายในสิ่งที่เป็นตัวคุณ ภูมิใจกับมันซะว่าคุณคือผู้ชำนาญการในเรื่องนั้นๆ
แต่ถ้าเรื่องที่เล่ามาจากคนอื่น อย่าลืมให้เครดิตเค้าด้วย มันเท่กว่าเอามาอ้างเป็นของตัวเองเยอะครับ
5. บอกเล่าเรื่องราวดีๆ
ฝึกเล่าเรื่อง นำเสนอสิ่งต่างๆ อย่างมีโครงเรื่อง มีสตอรี่ จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจได้
วิธีการฝึกก็คือลองเล่าเรื่องที่คุณรู้ดี เช่น เรื่องราวตัวเองในงานเลี้ยงต่างๆ เพื่อฝึอปรือฝีมือเรื่อยๆ ครับ
ผลงานไม่มีปากพูด เราต้องพูดแทนเค้าครับ
ุ6. สอนสิ่งที่เรารู้
เพื่อทำให้คนอื่นๆ ได้เก่งในสิ่งที่เขาอยากจะเก่ง เคล็ดลับที่แบ่งปันนี้จะทำให้คุณได้ใจพรรคพวกเต็มๆ ครับ
7. อย่าเผลอเป็นมนุษย์ใบปลิว
ที่พูดนำเสนอ แต่เรื่องราวของตัวเองอย่างเดียว รับฟังคนอื่นๆ ด้วย เพื่อเชื่อมโยงตัวคุณเข้ากับพวกเขา
บางครั้งอย่าไปแคร์ ตัวเลขคนฟังมากเกินไป (เช่น มีกี่คนไลค์คุณ วิวคุณ) แต่ขอให้คุณได้คนที่ใช่จริงๆ จะดีกว่าครับ หาคนที่เสริมพลังให้คุณ และเลี่ยงพวกแวมไพร์ ที่จ้องจะดูดพลังชีวิตคุณด้วย
8. เรียนรู้วิธีรับหมัดด้วย
ไม่ใช่ว่าจะมีคนชอบคุณทั้งหมด บางคนอาจให้ฟีดแบ็กที่รุนแรง หากเป็นประโยชน์ก็รับมันไว้แล้วปรับปรุง
แต่ยังไงก็เลี่ยงพวกเกรียนๆ เพราะมันไร้สาระที่จะไปต่อล้อต่อเถียงครับ เสียเวลาเปล่าๆ
9. เห็นแก่เงินบ้าง
ข้อนี้ ผมแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนเลยนะครับ ในหนังสือบอกว่าอย่าอายหากจะขอการสปอนเซอร์ แต่สำหรับผม หากว่าคุณอยากทำการกุศล ตรงนี้ก็ไม่มีใครว่าครับ
อย่างไรก็ตาม รายได้ก็ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจจนเกินไป หากมันมอบโอกาสและสร้างอาชีพให้คุณได้จากการแป่งปันนั้นๆ
10. ขอให้คุณยืนหยัดในสิ่งที่ทำ
หลายเรื่องมันไม่ได้ให้ผลในชั่วเวลาข้ามคืน เพราะไม่ใช่การเพาะถั่วงอก ขอให้ keep walking ตั้งใจเดินทีละก้าว (หรือหลายก้าวถ้ามีวิธี)
หากเหนื่อยก็พัก เพื่อเดินต่อและหมั่นสังเกตการพัฒนาของตนเองเรื่อยๆ เพื่อปรับปรุงวิธีการที่ดีกว่าเดิม
เมื่อถึงจุดหนึ่งที่อิ่มตัว การทำในสิ่งใหม่ๆ ก็ไม่ผิดอะไรเช่นกันครับ ลองประเมินตัวเองดู
ทั้ง 10 นี้ ก็คือ สรุปเทคนิคการทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักจากการแบ่งปันผลงานของเราให้คนอื่นๆ ได้รู้ ได้ขโมยไปใช้กันครับ
ขอขอบคุณมากๆ หากจะขโมยบทความนี้ไปใช้ นะครับ
แล้วพบกันใหม่ในหนังสือเล่มหน้าครับ